"ผ้าพันคอ" เป็นของใช้ที่สามารถพกติดตัวไปได้ทุกที่ทุกโอกาสเพื่อกันแดด กันหนาว กันลม กันฝน
ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของผ้าที่เป็นวัตถุดิบ เช่น ขนสัตว์ ไหม แพร ลินิน ฝ้าย ไนลอน และอื่นๆ เป็นต้น
ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) ฤดูร้อน (Summer) ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) ฤดูหนาว (Winter)
ผ้าพันคอผ้าฝ้าย Cotton Collection
ผ้าพันคอวัตถุดิบฝ้ายเส้นใยธรรมชาติ ผ้าพันคอที่ทำจากฝ้ายเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่นิยมใช้สินค้าจาก
วัสดุธรรมชาติ และสนับสนุนการผลิตสินค้าจากกลุ่มชาวบ้าน เนื่องจากปัจจุบันมีชาวบ้านหลายกลุ่มที่ผลิต
ผ้าพันคอเพื่อจำหน่ายมากขึ้น
"ฝ้าย" เป็นพืชเส้นใยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำเครื่องนุ่งห่ม ผ้าพันคอ หรือสิ่งทออื่นๆ ในชีวิตคนไทย
มีการปลูกฝ้ายมาตั้งแต่โบราณเพื่อประโยชน์ใช้สอยในครอบครัว ปัจจุบันประเทศมีความต้องการฝ้ายในภาพรวม
มากขึ้น ตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งการส่งออกผลิตภัณฑ์สิ่งทอเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงพอต่อความ
ต้องการใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ประเทศไทยต้องนำเข้าปุยฝ้ายจากต่างประเทศเป็นมูลค่ามหาศาล อีกทั้ง
การปลูกในประเทศต้องใช้ต้นทุนการผลิตสูง เนื่องจากค่าสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ซึ่งทำให้ไม่ปลอดภัย
ต่อผู้ผลิต และเป็นปัญหาต่อสภาพแวดล้อม ในขณะที่ยังมีความจำเป็นในการใช้เส้นใยจากพืชนี้อยู่
วิธีการปลูกฝ้ายโดยไม่ใช้สารเคมี เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำกันมาตั้งแต่โบราณ โดยเฉพาะพันธุ์พื้นบ้าน ที่มีความเหมาะสม
ในพื้นที่อยู่แล้ว ปลูกโดยใช้พื้นที่ว่างตามหัวไร่ปลายนา ผลิตผลที่ได้ก็ถูกนำไปใช้งานหัตถอุตสาหกรรมสิ่งทอพื้นบ้าน
และเป็นที่ต้องการของตลาดมากได้ราคาที่สม่ำเสมอไม่ผันแปรไปตามภาวะของตลาด ฝ้ายสารเคมี จึงควรหันมา
ปลูกฝ้ายที่ปลอดสารเคมีเพื่อประโยชน์ในการใช้สอย ปลอดภัยต่อผู้ปฎิบัติและสภาพแวดล้อม
ที่ผ่านมาเกษตรกรส่วนใหญ่จะปลูกฝ้ายเพื่อขายเชิงพาณิชย์เป็นหลักและไม่ใช้ พันธุ์พื้นบ้านที่ปลูกกันในท้องถิ่น
จะเป็นพันธุ์ที่ให้ปริมาณดอกฝ้ายมากให้ผลผลิตสูง แต่ก็ไม่ทนทานต่อสภาพพื้นที่ จึงต้องใช้สารเคมีช่วยในการ
กำจัดศัตรูพืช เพื่อให้ปริมาณฝ้ายได้มากและคุ้มค่ากับการลงทุน เกษตรกรส่วนใหญ่จึงนิยมปลูกฝ้ายแบบใช้
สารเคมีช่วย เมื่อเป็นเช่นนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ตามมาเช่นกัน จึงควรเลือก ผ้าพันคอ ที่ผลิตจากฝ้ายที่ดี
(อ้างอิงจาก โครงการฝ้ายแกมไหม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
ในปัจจุบัน ฝ้ายถูกนำมาเพื่อผลิตสิ่งทอ และออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่นเสื้อผ้า ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ
ผ้าปูเตียง พรม ผ้าม่าน กระเป๋า รองเท้า และอื่นๆ การผลิตผ้าฝ้ายจึงมีความหลากหลายทั้งเนื้อผ้าและสีสัน
ตามรูปแบบการทอ การเขียนลายผ้า และการย้อมสี ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในผลิตภัณฑ์มากขึ้น
ซึ่งขึ้นอยู่กับความนิยมและการนำไปใช้ประโยชน์ของแต่ละบุคคล
การย้อมสีฝ้าย แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1.การย้อมสีเคมี : เป็นการย้อมสีโดยใช้สีที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นจากสารเคมี ย้อมลงบนเนื้อผ้าหรือเส้นใย
ทำให้มีสีสันสด สีคงทน และสามารถกำหนดความเข้มของสีได้ ตามปริมาณ ตามคุณสมบัติของสี โดยทั่วไป
นิยมใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และชาวบ้านนิยมนำสีสำเร็จรูปมาใช้สำหรับย้อมสีผ้าทั่วไป
2. การย้อมสีธรรมชาติ : เป็นการนำวัตถุดิบจากต้นไม้ จำพวก ราก แก่น เปลือก ต้น ผล ดอก เมล็ด ใบ
มาผ่านกระบวนการสกัด และใส่ส่วนผสมอื่นๆเช่น น้ำปูนใส น้ำขี้เถ้า น้ำสนิม แล้วนำไปต้มและย้อมสี
โดยการเลือกสี จะขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ไม้ อาทิ เช่น
- สีแดง ได้จาก รากยอ แก่นฝาง ลูกคำแสด เปลือกสมอ ครั่ง
- สีคราม ได้จาก ต้นคราม หรือต้นห้อม ใช้รากและใบ
- สีเหลือง ได้จาก แก่นแข หรือ แก่นแกแล แก่นขนุน ต้นหม่อน ขมิ้น เปลือกไม้นมแมว แก่นสุพรรณิการ์
ดอกกรรณิการ์ ดอกดาวเรือง
- สีตองอ่อน ได้จาก เปลือกต้นมะพูด เปลือกผลทับทิม แก่นแกแลและต้นคราม ใบหูกวาง เปลือกและผล
สมอพิเภก ใบส้มป่อยและผงขมิ้น ใบแค ใบสับปะรดอ่อน
- สีดำ ได้จาก ผลมะเกลือ ผลกระจาก ผลและเปลือกสมอ
- สีส้ม ได้จาก เปลือกและรากยอ ดอกกรรณิการ์ (ส่วนที่เป็นหลอดสีส้ม) เมล็ดคำแสด
- สีเหลืองอมส้ม ได้จาก ดอกคำฝอย
- สีม่วงอ่อน ได้จาก ลูกหว้า
- สีชมพู ได้จาก ต้นฝาง ต้นมหากาฬ
- สีน้ำตาล ได้จาก เปลือกไม้โกงกาง เปลือกผลมังคุด
- สีกากีแกมเหลือง ได้จาก หมากสง กับแก่นแกแล
- สีเขียว ได้จาก เปลือกต้นมะริดไม้ ใบหูกวาง เปลือกสมอ ครามย้อมทับด้วยแถลง
หน้าที่เข้าชม | 1,538,963 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 573,554 ครั้ง |
เปิดร้าน | 22 พ.ย. 2554 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |